Friday, January 22, 2016

เล่นฟรีเวทกับแมชชีนต่างกันอย่างไร (Free Weight VS Machine)

Free Weight VS Machine
เล่นฟรีเวทกับแมชชีนต่างกันอย่างไร เล่นแบบไหนดี?


คนที่เพิ่งหัดเข้ายิมใหม่ๆ บางครั้งจะได้รับคำแนะนำที่ว่า "ให้ไปเล่นพวกเครื่อง (Machine)ก่อน พอเริ่มแข็งแรงค่อยไปเล่นฟรีเวท"
หรือถ้าคนที่มีประสบการณ์การเล่นกล้ามมาสักพักก็มักจะพูดว่า "เล่นฟรีเวทสิ สร้างกล้ามเนื้อได้ดีที่สุด"

คำแนะนำเหล่านี้เชื่อถือได้หรือไม่? เครื่องเล่นจำพวก Machine เหมาะกับใคร? แล้วฟรีเวทเหมาะกับใคร?

ก่อนอื่นมาดูก่อนครับว่าแต่ละแบบคืออะไร

  1. ฟรีเวท (Free Weight) หมายถึงอุปกรณ์ฝึกที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ (คือเวลาเรายกแล้วมันเอนไปได้ทุกๆด้าน) ตัวอย่างเช่น
    - ดัมเบลล์ (Dumbbells)
    - บาร์เบลล์ (Barbells)
  2. อุปกรณ์จำพวกเครื่อง (Machine) เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการฝึกแต่ละท่า แต่ละส่วนกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ โดยปกติถ้าเป็นพวกนี้ ตัวผู้ฝึกจะถูกตรึงให้อยู่กับที่ (อาจจะมีเบาะนั่ง หรือตัวล็อค) ส่วนของร่างกายที่เคลื่อนไหวได้ จะเป็นกล้ามเนื้อที่ต้องการจะฝึกเท่านั้น (Targeted Muscle)


ข้อดี ข้อด้อย ของฟรีเวทและแมชชีน


  1. ฟรีเวท (Free Weight) เนื่องจากฟรีเวท เป็นอุปกรณ์ฝึกที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ (บน ล่าง ซ้าย ขวา หน้า หลัง) ดังนั้นเวลาเรายกอุปกรณ์จำพวกนี้ เราจะต้องใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนกว่าอุปกรณ์ประเภทแมชชีน ยกตัวอย่างเช่น ในท่า Bench Press โดยปกติแล้วท่านี้จะใช้งานกล้ามเนื้อหลักๆ สามส่วน คือ อก/หลังแขน (triceps)/ไหล่ แต่กรณีที่เรายกอุปกรณ์ฟรีเวท (ดัมเบลล์หรือบาร์เบลล์) เราจะต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ได้แก่ หน้าแขนทั้งท่อนบนและท่อนล่าง (Biceps/Forearms) เพื่อพยุงให้อุปกรณ์บาลานซ์ไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่ง ทำให้กล้ามเนื้อหลายๆส่วนต้องทำงานพร้อมกัน
    แต่ ข้อเสียของฟรีเวทก็คือ ฟอร์ม(หรือท่า) ในการยก ต้องถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะทำให้โฟกัสผิดส่วน ไม่โดนกล้ามเนื้อที่ตั้งใจจะเล่น มือใหม่จึงควรมีการศึกษาและฝึกฝนอย่างถูกวิธี ให้ความสำคัญกับท่ายก โดยควรมีเทรนเนอร์แนะนำในช่วงแรกๆ
  2. อุปกรณ์จำพวกเครื่องหรือแมชชีน (Machine) ข้อดีที่เห็นได้ชัดๆเลยก็คือ ผู้ฝึกไม่ต้องพะวงกับฟอร์มมากเท่าไหร่ เพราะเครื่องเล่นพวกนี้จะบังคับฟอร์มอยู่แล้วด้วยการล็อคท่านั่งหรือล็อคกล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ได้ใช้งาน เพียงแต่ต้องปรับระดับความสูงต่ำของเครื่องให้เหมาะสม และใช้งานให้ถูกวิธี ดังนั้นการเล่นแมชชีนจะไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้มากเท่ากับการเล่นฟรีเวท และด้วยความที่มันเล่นได้ถูกต้อง ง่ายกว่าฟรีเวท ทำให้ผู้ฝึกสามารถโฟกัสที่กล้ามเนื้อที่ต้องการจะเล่นได้ดีกว่า (แต่สำหรับคนที่เล่นฟรีเวทจนชำนาญและถูกฟอร์มจริงๆแล้วก็โดนไม่แพ้กัน)


สรุป

ทั้งฟรีเวทและแมชชีน สามารถสร้างกล้ามเนื้อหลักที่ต้องการจะโฟกัสได้เหมือนๆกัน แต่ฟรีเวทจะต้องใช้เวลาศึกษาเรียนรู้มากกว่า
ข้อดีของฟรีเวทก็คือ ทำให้กล้ามเนื้อที่ไม่ใช่กล้ามเนื้อหลัก (เช่น กล้ามเนื้อที่คอยพยุงลูกน้ำหนักไม่ให้เอียง) ได้ทำงานไปด้วย ถือเป็นการสร้างกล้ามเนื้อมัดอื่นๆทางอ้อมไปในตัว

คำแนะนำ

ถ้าลองอ่านมาจนถึงตรงนี้แล้วก็จะเห็นว่าเล่นอะไรก็ให้ผลใกล้เคียงกัน
แต่คำแนะนำอย่างหนึ่งคือ ถ้าอยากประหยัดเวลา และสร้างกล้ามเนื้อให้บาลานซ์ตั้งแต่แรก ควรเล่นฟรีเวท ด้วยท่าคอมพาวด์ (Compound Movement - คือท่าฝึกที่ใช้ข้อต่อหรือกล้ามเนื้อหลายๆส่วน ในท่าเดียว เช่น Squat, Bench Press, Dead Lift, Pull up) เพราะว่าท่าเหล่านี้จะสร้างกล้ามเนื้อหลายๆส่วนที่ทำงานเชื่อมโยงกัน
แต่ถ้าหากมีกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ หรือต้องการเล่นโดยไม่ให้โดนส่วนอื่นที่บาดเจ็บ การเล่นเครื่องจำพวกแมชชีน ก็เป็นทางเลือกที่ดี เหมาะกับการเล่นที่ต้องการโฟกัสกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่ง (Isolation Movement)